+ : - อ า จ า ร ย์ ศุ ภ น า รี - : +

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดแต่เป็นโลกความเป็นจริง

"มันนะ ไม่เคยบอกรักชั้นเวลาปกติเลยล่ะแก..."
"ละไอ้เวลาไม่ปกติเนี่ย เวลาไหนล่ะ พระจันทร์เต็มดวงรึไง"
...
"เวลาก่อนละหลังไอ่นั่นอ่า.........???"
"ก่อนและหลังอาหารหรือ"
"ไม่ใช่แก..ก่อนและหลังสังวาสต่างหาก..."

"การกระทำเยี่ยงนั้น เปรียบได้กับการหลอกล่อสุนัขให้ทำท่าขอมือก่อนอาหาร
เมื่ออยากได้อาหารสุนัขก็ต้องยอมทำทุกวิถีทาง แม้กระทั่งเรื่องผิดธรรมชาติ
อย่างการยืนสองขาหรือตอแหลว่ารักแกก็ตามที..."

...

"...ก็ดีอ่ะ แต่พูดปีละพันคำ แถมยังบอกรักเฉพาะก่อนจิ้มและหลังจิ้มกันนี่ก็ไม่ไหวนะแก"

หนังสือดีๆเล่มนี้อยากให้ได้อ่านกัน..เขียนโดย พี่ดี้ ธิยา นิธิพันธวงศ์

อันนี้เป็นอีกตอนหนึ่งที่ชอบมากๆ...อ่านแล้วร้องไห้

ตัดฉากมาที่เรื่องติดยาของผู้ชายที่พี่เค้าไปรู้จัก ผู้ชายคนนั้นชื่อแจ๊ค พี่ดี้เค้าก็หวังให้เพื่อน
เค้าเลิกยาได้ เพราะเหตุผลของคนติดยาก็มีอยู่ บางคนจะทำตัวเลิกคบกะคนพวกนั้นไป แต่
ที่ทุกคนทำย่อมมีเหตุผลแน่นอน ยกตัวอย่าง อย่างคนที่ติดหนังสือมากๆ แล้วอยากแนะนำให้
คนอื่นอ่านหนังสือที่ตัวเองอ่าน อย่างชั้นติดนิยายเกาหลี ละไปบังคับ เร้าหรือให้น้องชั้นอ่าน
หนังสือตอนช่วงจะสอบ ก็เหมือนกัน แจ๊คชวนเล่นยา แต่เค้าก็มีเหตุผลของเค้า...

แจ๊ค เริ่มใช้ยาครั้งแรกตอนที่แม่เค้าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก โดยหวังมันเป็นยานพาหนะ
พาเค้าหนีจากความเจ็บปวดไปสู่อีกโลก...อีกไม่นานพ่อเค้าก็พาแฟนใหม่เข้ามาอยู่บ้าน แจ๊คเลยทำ
ใจไม่ได้แยกตัวออกมาอยู่คนเดียว

"เขาต้องแอบคบกันมาตั้งแต่ตอนแม่ป่วยแน่ๆ ทั้งๆที่แม่ใกล้จะตายอยู่แล้ว พ่อกลับทรยศแม่ได้ลงคอ"

"พ่อตีหน้าเศร้าอยู่เคียงข้างแม่จนวินาทีสุดท้าย"

"เรายังเผลอคิดว่าพ่อเสียใจ จนกระทั่งพาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งๆที่แม่เพิ่งตายแท้ๆ"

แจ๊คคิดวกวนอยู่แต่เรื่องแบบนี้ ละยืนยันที่จะเวียนว่ายอยู่ในเขาวงกตแห่งความทุกข์ที่ตัวเองเป็นผู้
สร้างขึ้น...

ชีวิตนักเขียน...
อันที่จริงชั้นไม่มีพ่อมาแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่เห็นว่าจะมีอาการอยากยาแต่อย่างใด ชั้นไม่เคยเห็นหน้า
พ่อแท้ๆด้วยซ้ำ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าท่านยังเป็นหรือตาย แม่ชั้นเลิกกับพ่อตั้งแต่ตอนชั้นยังหลับคุดคู้อยู่
ในท้อง เพราะแม่ดันไปค้นพบอัลบั้มลับเฉพาะของพ่อกับหญิงสาวนิรนามในเครื่องแต่งกายนุ่งลมห่มฟ้า
ท่วงท่าพสดาร แต่ที่ทำให้แม่โกรธจนถึงขั้นหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้านก็คือ ฉากที่ใช้ในการถ่ายทำ
ครั้งนั้นคือเตียงแต่งงานของพ่อกับแม่นั่นเอง.......

หลังจากเลิกกับพ่อ และโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่เชียงใหม่กับป้า แม่ไม่เคยแต่งงานใหม่ ชั้นเลยเป็นลูกสาว
หัวแก้วหัวแหวนคนเดียว ........
ชั้นจำได้ครั้งเดียวที่ชั้นรู้สึกว่าตัวเองขาดพ่อคือตอนอยู่ป.1 เมื่อคุณครูประจำชั้นส่งจดหมายเวียนมาเรียนเชิญ
คุณพ่อของนักเรียนไปร่วมพิธีวันพ่อที่ทางโรงเรียนจัดขั้น นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ชั้นอยากมีพ่อ...

คืนก่อนวันงาน แอบร้องไห้ กลัวเป็นตัวประหลาด เพราะไม่มีพ่อไปร่วมงานอยู่คนเดียวในชั้น
เริ่มร้องไห้ดังจนแม่ได้ยิน แม่ถาม เป็นอะไรลูก ... หนูอยากมีพ่อ ... แม่ได้แต่พูดทั้งน้ำตาว่า แม่ขอโทษ ...

วันรุ่งขึ้น ไปโรงเรียนตามปกติ ครูประกาศชื่อคนที่พ่อไม่มาร่วม ยังไงก็ไม่ได้เป็นหัวเดียวกระเทียมลีบที่ไม่มีพ่อ
ยังมีเพื่อนในชั้นอีก ครูให้ไปอยู่ในห้องสมุด แล้วเมื่อถึงเวลากินเลี้ยงจะไปเรียก แต่ไม่มีชื่อชั้นอยู่หนึ่งในนั้น

งงและสงสัย...
ขณะที่เดินเข้าห้องประชุม และกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ฉับพลัยสายตาก็สะดุดเข้ากับใบหน้าที่ชั้นคุ้นเคย
ใบหน้าลอยเด่นเป็นสง่าออกมาจากบรรดาพ่อๆ ก็จะไม่ให้เด่นได้ยังไงในเมื่อเจ้าของใบหน้าที่มีดวงตาอิดโรย
แต่ฉายแววอบอุ่นมุ่งมั่น เจ้าของใบหน้าที่มีผมมวยขมวดแน่นอยู่ที่ท้ายทอยเผยให้เห็นเครื่องหน้าได้รูปจัดวาง
อย่างเหมาะเจาะอยู่บนใบหน้าที่ยังเหลือเค้าความสวยแม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน เจ้าของใบหน้าผู้เป็น
ผู้หญิงเพียงคนเดียวท่ามกลางบรรดาคุณพ่อที่มาร่วมงานเจ้าของใบหน้านั้นคือ แม่ชั้นเอง...

ชั้นบรรจงติดดอกพุทธรักษาบนอกแม่ด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนก้มลงกราบ.....
แม่กระซิบข้างหู...
"เป็นความรับผิดชอบของแม่ ที่ทำให้ลูกไม่มีพ่อ แต่แม่อยากให้ลูกรู้ว่า แม่รักลูกมาก ลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุด
ในชีวิตแม่ และแม่จะทดแทนให้ลูกโดยการเป้นทั้งแม่และพ่อให้ดีที่สุด แม่สัญญาว่าจะทำให้ลูกมีความสุข
ที่สุด แม้มันจะต้องแลกด้วยชีวิตแม่ แม่ก็จะทำ..."

จากวันนั้นถึงวันนี้ แม่ไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับชั้นแม้เพียงสักครั้ง

...
ตัดมาที่แจ๊ค
แจ๊คบอกไม่ได้ติดยา...
แต่ใช้ยาแล้วรู้สึกว่าโลกมันดูสวยงามดีก็เท่านั้น เขาไม่ชอบโลกแห่งความจริงที่เราๆท่านๆอยู่กันเพราะมันสกปรก
โสมมเหลือคณา...

เดี๋ยวมาอัพใหม่ ทำงานก่อนจ้า...

Continue...

ไอ้ยาน่ะ จะเลิกเมื่อไรก็เลิกได้ แต่ยังไม่อยากเลิก...
ชั้นเลยถามว่าไม่อยากมองโลกแบบธรรมดาๆดูบ้างเหรอ ถึงมันจะสวยบ้างไม่สวยบ้าง แต่ยังไงซะมันก็เป็นของจริง
ประโยชน์อะไรที่จะให้แมงสาบเดินไต่ไปมาบนหน้าเล่น เพราะเห็นมันเป็นเต่าทองสีสวยตัวอ้วนป้อมแถมยังพูดได้อีกตะหาก
เพราะไม่ว่าสายตาเราจะเห็นเป็นยังไง เราก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ว่ามันคือแมงสาบ ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์
แต่มันก็คือเสน่ห์ของชีวิตไม่ใช่หรือ...


กินก่อนเดี๋ยวมาต่อใหม่ฮะ...

ย่อๆละกันนะ...เวลาผ่านไปผ่านมาผ่านมาผ่านไป...

ก็ไม่ได้ติดต่อแจ๊คเลย เพราะในเมื่อไปทำให้เค้าเปลี่ยนทัศนคติไม่ได้ก็เลิกการติดต่อ...

จนเป็นปี...
พี่ที่รู้จักโทรมา บอกแจ๊คอยู่โรงพยาบาล กระโดดตึก เจ็บหนัก อยู่ไอซียู...
แจ๊คสิ้นใจหลังจากอยู่ห้องไอซียู 3 วัน เพราะอาการติดเชื้อในปอด ชั้นอยุ่เคียงข้างแจ๊คจนวินาทีสุดท้าย
ชั้นอดโทษตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความอดทน และเข้าใจเขามากกว่านี้...
ถ้าชั้นเห็นแก่ตัวน้อยกว่านี้ช่วยเหลือเขาอย่างจริงจัง เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ ...

ชั้นได้แต่ภาวนาในใจว่าแจ๊คจะได้ไปอยู่กับแม่ของเขาในโลกที่สวยงาม และไร้ความเจ็บปวด โลกฝาแฝด
แบบที่เค้าพูดถึงมาโดยตลอด...

...............................................

หนังสือของพี่ดี้ดีมากมาย ทำให้ตัวชั้นเองค้นพบอะไรตั้งหลายอย่าง ได้ฝึกคิดหลายแง่หลายมุม
อยากให้อ่านกันนะ หนังสือพี่ดี้ ดีมากมาย ถึงแม้จะไม่ได้รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว แต่หนังสือของ
พี่เค้า ทำให้ชั้นเรียนรู้ตัวพี่เค้าได้มาก...

และมองชีวิตในมุมมองใหม่ๆมากขึ้น...
ชอบอันนึงที่สู้ด...
"จะเลิกตามหารักแท้ให้ชีวิตมันยุ่งยาก อกหักซ้ำซากเป็นแม่นาค 18 เวอร์ชั่น" ได้ใจง่า...
คิดได้ไงเจ๊...ขอยืมไปพูดนิดส์นึงนะจ๊ะ...

ละอีกเรื่องราวมากมาย...จะมาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังนะคร้าบ...

อย่างน้อยความเหงามันก็ไม่เคยนอกใจเรา ความเหงาไม่เคยปิดมือถือหนี ความเหงาไม่เคยไปบอก
ผู้หญิงอื่นว่าเลิกกับชั้นไปแล้วทั้งๆที่เมื่อวานยังถกกันเรื่องโลเกชั่นเรือนหออย่างคร่ำเคร่ง ความเหงา
ไม่เคยกระทบกระแทกแดกดันชั้นเหมือนผู้ชายโฉดชั่วบางคน ความเหงาทำร้ายชั้นมากที่สุดก็แค่ เหงา
เพียงแต่ชั้นยกโทรศัพท์ขั้นมาโทรหาเพื่อน ขับรถออกไปร้าน หรือหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ความเหงาก็จะ
รับรู้และเข้าใจ ถอยไปซุกมุมจิตใจเงียบๆ แต่โดยดี เพื่อรอเวลาที่จะออกมาชวนชั้นเล่นด้วยอีก แต่ถ้าชั้น
ไม่ปล่อยตัวเองให้ว่าง จนมีเวลามาหยอกล้อเล่นหัวกับมัน มันก็ทำอะไรชั้นไม่ได้ ได้แต่มูนวอล์กกลับ
ไปนั่งเจ่าจุกตรงมุมเงียบๆอย่างเดิม

อย่างนี้ความเหงามันน่ากลัวตรงไหน ชั้นจะกลัวเหงาไปทำไมกัน ถ้าชั้นจะกลัวความเหงาที่เกิดจากจิตใจ
ตัวเอง ชั้นหันไปกลัวความเจ็บช้ำน้ำใจอันเกิดจากการกระทำอันไร้สติของคนอื่นจะดีกว่าไหม เวลาเยียวยา
หัวใจน่ะมันทรมานจะตาย สู้ตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้มันเกิดน่าจะดีกว่า........

พอกันทีต่อไปนี้ชั้นจะเลิกลองผิดลองถูกไขว่คว้าหาความรักแล้ว ถ้าคนที่ใช่สำหรับชั้นมีจริง วันหนึ่งเขาก็คง
โผล่มาเองแหละ จะไปค้นไปหาทำไมให้มันเปลืองตัว เปลืองใจ เอาเป็นว่าถ้าความรักมันไม่มาวิ่งชนชั้นเอง
จังๆ ชั้นก็จะไม่ดิ้นรนตะเกียกตะกายไปหามันก็แล้วกัน อยากมากก็แค่อยู่เป็นโสดของชั้นไปแบบนี้แหละ
ใครจะทำไม......................

มันดี เลยเอามาบอกกล่าวให้หาหนังสืออ่านกันนะ...


หนังสือหาอ่านกันได้นะค้าบ ชื่อเรื่อง โสดซะดีมั้ย ถ้าเจอผู้ชายพรรค์นี้ ... รักบัดซบค่ะ ...

ชีวิตต้องสู้

ตื่นมายามเช้า ได้มองดูชีวิตหลายชีวิตดิ้นรนต่อสู้อยู่กับสิ่งที่เค้าทำ...

คนกวาดถนน...ใครจะรู้บ้างไหม ถนนที่สะอาดๆทุกวันนี้ คนกวาดถนนเค้าต้องตื่นมากวาดถนน
กี่โมง เราทุกคนถึงได้มีถนนที่สะอาดๆใช้กันทุกวัน...ถ้าอยากจะช่วยเค้าก็อย่าทิ้งขยะตามถนน
กันก็พอ

คนขายกับข้าว...อาหารเช้าทุกจาน กับข้าวทุกอย่างกว่าจะมาประกอบให้เรากินกันแค่จานเดียว
เค้าต้องใช้เวลาปรุงกี่ชั่วโมง ต้องตื่นมาทำตอนตีอะไร นึกไว้เสมอ ถ้าเค้าทำช้านิด ช้าหน่อย
คุณก็อย่าไปว่าเค้าล่ะ เพราะเค้าต้องตื่นก่อนคุณเท่าไร...

คนวิ่งออกกำลังกาย...ทุกคน เป็นสิ่งแน่นอนที่ต้องการสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์...
เพื่อชีวิตที่ยืนยาว...

คนพิการกำลังหัดเดินตามริมฟุตบาท...ขนาดเค้าไม่สมประกอบ เค้ายังพยายาม
ที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้น รู้จักกายภาพตัวเอง เค้ายังให้กำลังใจแก่ตัวเอง เพื่อรอวันที่เค้าจะเดิน
เหินได้ตามปกติ...

พ่อแม่ลูกร้านขายหมู...เด็กอายุ 7 ขวบ ช่วยพ่อแม่ที่มีอาชีพขายหมูอย่างขะมักเขม้น ดูแล้ว
กลับมาคิดว่า เด็กตัวแค่นี้ยังรู้จักที่จะช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน เพื่อปากท้องของคนในครอบครัว
แล้วเรา โตจนป่านนี้ คิดจะช่วยเหลือกันบ้างไหม...

คนเก็บขยะ...น่าสงสารที่เค้าต้องทำงานกับสิ่งปฏิกูล กลิ่นเหม็น ต้องเก็บขยะที่เน่าๆ ถ้าคิดอยาก
จะช่วยพวกเค้าทุกบ้านน่าจะเอาขยะใส่ถุงดำเพื่อสะดวกต่อการเก็บของพวกเค้า...

พระ เณร เดินบิณฑบาตร...ทุกชีวิตต้องการที่พึ่งทางใจ ถ้าใจสงบ กายก็สงบด้วย พึงจำไว้...

พออาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน ระหว่างทางต้องเจอกับอะไรที่ทำให้ชีวิตต้องปลง...

เจอศูนย์เปลเข็นศพคนไข้ไปที่โรงดับจิต...ชีวิตคนเราทุกคนต้องจบลงตรงแค่นี้ เหมือนกัน
ทุกคน หลีกหนีไม่ได้ ในที่สุดต้อง---ตาย---

หมอ พยาบาลกำลังขวักไขว่...ก็น่าเห็นใจอยู่ที่อาชีพพวกนี้ต้องให้การรักษา เยียวยาคนเจ็บ
คนป่วย ถ้าคนพวกนี้อารมณ์หงุดหงิดก็ต้องเห็นใจเค้าบ้าง เพราะวันนึงเค้าเจอเคสไม่รู้จักกี่สิบ
กี่ร้อยเคส เพราะยังมีคนอีกเยอะที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มาก
มายเท่าไรนัก...

ศูนย์เปลเข็นคนไข้ เข้า ward นู้น ออก ward นี้ ทุก ward เฉลี่ยเข้าวันละหลายราย ต้องเดิน
ส่งผู้ป่วยวันละกี่สิบ กี่ร้อยคน...คนเจ็บรอวันหาย คนเข็นรอวันที่คนไข้หมด

ญาติผู้ป่วยนอนรออยู่ใต้ถุนอาคาร ญาติทั้งๆที่ใจอยากจะไปเฝ้า อยากจะไปอยุ่ใกล้คนเจ็บ แต่ต้อง
ทำตามกฎเกณฑ์กติกาที่ถึงเวลาเยี่ยม และหมดเวลาเยี่ยม ถ้าเค้ามีเงิน เค้าคงได้เข้าไปเฝ้าญาติเค้า
เพราะความที่ไม่ได้อยู่ห้องพิเศษ ต้องทำตามกติกาของโรงพยาบาล

คนไข้ที่นอนอยู่บน ward บางคนนอนรอวันที่จะหายไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม แต่อีกหลายคน
เหมือนกันต้องมานอนรอว่าจพรุ่งนี้จะหมดลมหายใจหรือป่าว ผู้คนเหล่านั้นต้องการกำลังใจอย่าง
มากมายมหาศาล ถ้าคนอยู่ใกล้สร้างกำลังใจให้เค้า เค้าเหล่านั้นก็น่าจะพร้อมที่มีลมหายใจต่อไป

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล...ต่างก็ดิ้นรนทำมาหากินเพื่ออนาคตบ้าง เพื่อครอบครัวบ้าง...


ชอบมองอะไรแบบนี้ไปเรื่อยๆ เวลาหมดหวัง หมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เมื่อมองกลับไปกลับมา
จะทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้ที่สุดนะ ยังมีคนสุดๆกว่าเรา ทำไมเค้ายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เลย...

ทุกชีวิตบนโลกยังคงต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆที่มารุมเร้า ถาโถมเข้ามาในชีวิต ทุกชีวิตต้องดิ้นรนอยู่บนโลก
ใบนี้ โลกที่มีทั้งสิ่งสวยงามเสมือนอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านรกอเวจี...


สู้ต่อไปนะ...กำลังใจให้ตัวเอง...^^สู้ๆ

ความในใจ

ความรัก กับ ความเกลียด...

เส้นแบ่งระหว่างรักกับเกลียด บางทีเหมือนมันอยู่ชิดกันมากเลย
เลยไม่แน่ใจในสิ่งที่ใจคิดว่า รัก หรือ เกลียด...

เป็นอะไรไม่รู้ในใจคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ สงสัยปัญหามันถาโถมเข้าใส่
เลยทำให้กลับไปคิดเรื่องเก่าๆ ครั้งอดีต คิดแล้วบางครั้งก็มีผลดีต่อจิตใจ
บางครั้งมันทำร้ายจิตใจจนเจ็บแทบลุกขึ้นสู้ไม่ไหว...

ไม่สบายใจทีไรต้องกลับไปคิดทุกที ความเจ็บปวดมันสอนให้คนแกร่งขึ้น
แต่ไม่รู้มันจะสอนให้คนหลอกตัวเองมากขึ้นไปหรือป่าว...

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ทีไร ต้องคิดเสมอว่า ทำไมตัวเองดูโง่เหลือเกิน...
ทำไมคิดได้ขนาดนี้ และทุ่มเทให้เค้าได้มากขนาดนี้ เสียดายเวลา
แต่พอกลับมาคิดอีกที บทเรียนราคาแพงที่เค้ามอบให้นี่แหละ
สอนให้แกร่งขึ้นมาก...วันที่เจอกับปัญหา คิดทบทวนถึงเหตุการณ์บ้าๆบอๆ
เหล่านี้แหละ มันเลยทำให้คิดเสมอว่า จะไม่เป็นแบบนี้อีกต่อไป

จะไม่ทำตัวให้ไร้ค่าในสายตาประชาชี ยังไงเราก็มีค่าที่สุดกับครอบครัวของเรา
ถึงแม้คนอื่นจะมองไม่เห็นเลยก็ตามที...

--------------------------------------------------------------------------

จะทำวันนี้เป็นวันที่มีคุณค่า...

ชอบประโยคนี้เหลือเกิน ณ ขณะนี้ทำอะไรคิดเยอะเลย ทำไปแล้วเซฟตัวเองไหม
ทำไปแล้วตัวเองบาดเจ็บหรือป่าว ต้องอยู่กับความเป็นจริง ไม่ใช่ความฝัน
บางทีความฝันมันเป็นเพียงภาพที่เราจินตนาการขึ้นมากลางอากาศ
แต่ความจริงคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ ต้องเจอ ต้องพบ ต้องสัมผัส...

เรื่องจริง มันจินตนาการให้สวยหรูไม่ได้ เหมือนกับการเสี่ยงดวงอ่ะ
ว่าวันนี้เราจะได้โชค หรือ ไม่มีโชค ถ้ามีโชควันนี้อาจเจออะไรดีๆเข้ามาในชีวิต
ตรงนั้นก็กำไรไป แต่ถ้าวันนี้เกิดดวงซวย อับโชค ก็ถือซะว่าขาดทุนไป พรุ่งนี้ยังมี
อาจจะเจอลาภลอย เจอสิ่งดีๆทดแทนก็ได้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนเสมอไป

ชีวิตก็เหมือนการเสี่ยงโชคแหละ เราไม่สามารถเดาได้ว่าวันนี้จะออกหัวหรือก้อย...
ไม่สามารถตรัสรู้ได้ว่าจะตายวันไหน จะเกิดอะไรขึ้น บางทีคนเราเจอกันวันนี้
พรุ่งนี้อาจไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกก็ได้ เพราะฉะนั้น วันนี้อยากจะทำอะไรก็ทำ
คิดอะไรก็คิด เผื่อพรุ่งนี้จะไม่ได้คิดและทำอีกต่อไป วันนี้ที่เราได้คิดและทำจะได้
ไม่เสียดาย ว่าไม่ได้ทำ...

ทุกวันนี้เราอยู่กับความจริง แล้วมันทำให้ใจเราสุขขึ้นเยอะ เลิกจินตนาการกลางอากาศ
บ้าๆบอๆซะที พอวันนี้เริ่มมีอาการปวดหัว แล้วความคิดมันพุ่งกระฉูด อยากจะคิด ถึงแม้ว่า
มันทำให้คิดมากแล้ว หัวจะระเบิด แต่ก็จะคิด ไม่อยากที่จะหยุดยั้งความคิด...
กลัวว่าจะไม่ได้คิดอะไรดีๆอีกต่อไป

ตะก่อนจินตนาการเสมอว่า เราจะต้องอยู่กับคนที่เรารัก และรักเรา เราสองคนต้องรักกัน
จะต้องมีครอบครัวอบอุ่น จะต้องมีบ้าน มีรถ มีอะไรหลายๆอย่าง คนรักเราต้องเป็นคนที่เราเลือก...

แต่บางทีคนที่เราเลือก อาจไม่ใช่คนที่เป็นคู่ชีวิตที่ดีกับเราได้ไปตลอดชีวิตก็ได้
ตอนนี้คิดอยู่เหมือนกัน ถ้าเราเจอกับคนที่เค้ารักเรา ยังไงตลอดชีวิตเค้าก็คงรักเราไม่เปลี่ยน
บางทีคนที่พ่อแม่เลือกให้อาจเป็นคนที่เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนนี้อย่างมีความสุขก็ได้
อาจจะอยู่กันยืดยาวนาน

ไม่แน่นอนเน๊าะกับคำว่า ชีวิต...

ความรักอยู่รอบตัว ไม่ต้องไปไขว่คว้า โหยหา ความห่างไกลทำให้เรารู้ว่าความรักมันอยู่รอบตัว
ตอนที่ทำงานที่พิษณุโลก เราไม่ค่อยคิดหรอกว่าพ่อกับแม่เค้าห่วงเรามากขนาดไหน
แต่พอเราได้ห่างเราได้สัมผัสถึงความรักที่ส่งผ่านมาจากสายลม คลื่นความถี่จากแดนไกล
แม่เป็นห่วงเรามาก เราควรจะทำตัวให้เค้าไม่ห่วง ถึงแม้เราอยู่ไกลกัน เรามีโทรศัพท์ มีอินเตอร์เน็ต
มีการติดต่อตั้งหลายทางที่เราสามารถทำได้ ความไกลไม่ได้เป็นอุปสรรคของความรัก...แต่ถ้าเป็นไป
ได้ เราขออยู่ใกล้กันดีกว่า...

ทุกวันนี้ อยากทำเพื่อแม่บ้าง...อยากบอกแม่ว่ารักแม่มากๆ อยากอยู่ใกล้แม่ และดูแลแม่
ไม่อยากให้เราอยู่ห่างกัน เพราะไม่รู้ว่าอีกกี่วันเราจะตายจากโลกไปวันไหน
หรือเราจะต้องจากไปอยู่ดินแดนไกลโพ้นตอนไหน

แอวอยากกลับบ้านไปทำงานที่บ้านเรา อยู่ใกล้พ่อแม่ เมื่อไรโอกาสจะเข้ามาหาแอวนะ

แอวรักพ่อแม่ น้องเอ็มมากๆนะ
วันนี้ และ พรุ่งนี้ และ วันต่อๆไป แอวจะทำ จะสู้เพื่อพ่อแม่ตลอดไปค่า...

ความรักที่ไม่หวังผลตอบแทน ความรักที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง...


อ.แอว

เพราะชีวิต คือ ชีวิต

เมื่อวานวุ่นวายทั้งวันตั้งแต่เช้ามา สรุปโครงการหลักสูตรระยะสั้น เพื่อเก็บเป็นหลักฐานให้กับโปรแกรมวิชา
เฮ้อ ช่วยพี่เค้าทำนู่นนี่ เพราะอาทิตย์หน้าไม่อยู่ทั้งอาทิตย์เลย จะมีใครทวงอะไรอีกไหมหนอ

มรสุม มักจะผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่เห็นจะมีที่ไหนที่มันมีมรสุมตลอด พยายามรับมันให้ได้ แล้วจะดีเอง
คิดเสียว่า ถ้าชีวิตไม่มีปัญหา หรืออุปสรรค มันก็ไม่ได้รสชาติสิเนอะ

ดังท่อนหนึ่งของเพลง...หากไม่รู้สึกเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ

เพราะฉะนั้นต้องอดทน ความอดทนเป็นพระราชดำรัสของในหลวงที่ท่านเคยว่าไว้ จำได้ เคยดูหนังที่เป็นหนัง
เฉลิมพระเกียรติ คนเรามีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นล่ะ ไม่ว่าจะจน จะรวย มันต้องมีทางออก ทางสู่จุดหมาย

รุ่งเช้าเมื่อฟ้าสว่างจะต้องเดินทางไปสอนที่แม่สอดแล้ว อากาศข้างนอกเป็นยังไงม่างนะ เพราะยังไม่ออกไปจากผ้าห่ม
แสนอุ่นเลย มุดตัวอยู่ในผ้าห่ม การเดินทางบ่อยๆก็ดีเหมือนกัน ได้พบเจอผู้คนมากมายหลายชนชั้น หลายประเภท
เวลาขึ้นรถ เวลารอรถกลับ มองเห็นผู้คนเยอะแยะมากมาย คนเรามันเดินทางได้ทุกวี่ทุกวันเนอะ ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง
ทุกวันมันก็ต้องมุ่งหน้าเพื่อหาสิ่งที่ดี เพื่อหาสิ่งมาปรุงเสริมให้ชีวิตมันดี ไม่แย่ลง
ทุกวันเราต้องก้าวเท้า รึว่าใครเถียงว่าทุกวันนั่งอยู่กับที่ ทุกคนดิ้นรนหาสิ่งดีๆให้ชีวิตทั้งนั้นแหละ จะพูดนัยๆว่า
คนทุกคนมีความทะเยอทะยาน และมุ่งหาสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน หรือแม้แต่ความสุข
ซึ่งความสุขนั้น แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้กอดแม่ ที่ได้เห็นพ่อและแม่ยิ้ม เห็นแม่ภูมิใจในตัวเรา
มีความสุขเมื่อได้พบเจอเพื่อนๆ อย่างงานเลี้ยงรุ่นและทำบุญที่ผ่านมา ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลย ความประทับใจมีเกินกว่า
ที่รูปภาพที่นำมาให้ดูทั้งหมด ความทรงจำดีๆและมิตรภาพอยู่คู่ใจเราตลอดไป

มีความสุขนะทุกวันนี้ ที่ทุกคนรอบข้างเป็นห่วง เป็นใย คอยถามไถ่ เรื่องงาน เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
ขอบคุณทุกความรู้สึกดีๆที่มอบให้มาเสมอไม่ขาดสาย ขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกวันที่มีให้เสมอมา
ขอให้ทุกคนได้พบกับความสุขที่แท้จริง อย่าได้พบเจอสิ่งจอมปลอมที่เกิดจากการเสแสร้งจากคนไร้ซึ่งคุณธรรมประจำใจ
ความสุขจงมีแด่ท่านทั้งหลาย...