ชาตินิยม ‘คลั่งเชื้อชาติไทย’ ในโบราณคดี

หลวงวิจิตรวาทการ

โบราณคดีเริ่มมีการเรียนการสอนสืบเนื่องจากการผลักดันของพลังการเมืองชาตินิยม ซึ่งเห็นได้จากความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตามลำดับเวลา ดังนี้

92 ปีมาแล้ว พ.ศ.2475 คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นแบบประชาธิปไตย

85 ปีมาแล้ว พ.ศ.2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม (สมัยแรก) เปลี่ยนชื่อประเทศจากประเทศสยามเป็นประเทศไทย (ครั้งนั้นนายปรีดี พนมยงค์ เป็นเสียงข้างน้อย คัดค้านการเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย)

69 ปีมาแล้ว พ.ศ.2498 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม (สมัยสอง) ตั้งคณะโบราณคดี ขึ้นในมหาวิทยาลัยศิลปากร (ครั้งนั้นสังกัดกรมศิลปากร)

หนังสือประวัติศาสตร์เชื้อชาติไทย : งานค้นคว้าเรื่องเชื้อชาติไทย โดย พันเอก หลวงวิจิตรวาทการ (เรียบเรียงตามคำขอร้องของ นายพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมประมวลราชการแผ่นดิน) พิมพ์ครั้งแรก 68 ปีที่แล้ว พ.ศ.2499 (ภาพจาก ลูกอ๊อดหนังสือเก่า www.luukaod.com)

ประวัติศาสตร์เชื้อชาติไทย

ประเทศสยามถูกเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย ทำให้ “ประวัติศาสตร์สยาม” ที่มีมาแต่ดั้งเดิมต้องถูกเปลี่ยนเป็น “ประวัติศาสตร์ไทย”

สยาม หรือชาวสยาม ไม่เป็นชื่อเชื้อชาติ แต่เป็นชื่อทางวัฒนธรรม หมายถึง คน “ลูกผสม” หลายชาติพันธุ์มีหลักแหล่งอยู่ร่วมกัน โดยพูดภาษาไท-ไต-ไทย เป็นภาษากลาง

ไทย (ในชื่อประเทศไทย) หมายถึงคนไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ นับเป็นไทยแท้ (ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่า เชื้อชาติไม่มีในโลก)

ประวัติศาสตร์สยามที่เป็นเรื่องของคน “ลูกผสม” หลายชาติพันธุ์ในดินแดนสยาม ต้องเปลี่ยนเป็นประวัติศาสตร์ไทยที่เป็นเรื่องของชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์พวกเดียวเท่านั้น ด้วยการกีดกันชาติพันธุ์ต่างๆ เป็น “คนอื่น” ที่ต่อไปจะถูกจัดเป็นศัตรูหรือปฏิปักษ์ของความเป็นไทย เท่ากับทำลายความจริงที่มีหลักฐานโบราณคดีสนับสนุนหนักแน่น ไปยกย่อง “ความไม่จริง” แล้วหลอกตนเองกับหลอกคนอื่นว่าเป็นเรื่องจริง

ดังนั้น ทางการต้องสถาปนาชุดข้อมูลความรู้เกี่ยวกับคนไทย ชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ ให้เป็นที่รับรู้เริ่มจากในหมู่ชนชั้นนำ แล้วปลูกฝังยัดเยียดให้เข้าถึงราษฎรด้วยวิธีต่างๆ

หนังสือเล่มแรก ที่สถาปนาความเป็นไทยเมื่อหลังเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทยเพียงปีเดียว คือ “เรื่องของชาติไทย” โดย พระยาอนุมานราชธน เรียบเรียงเมื่อ 84 ปีที่แล้ว พ.ศ.2483 ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยอธิบดีกรมศิลปากร” (อธิบดีกรมศิลปากร คือ หลวงวิจิตรวาทการ พ.ศ.2477-2485)

เนื้อหาสาระสำคัญว่าไทยมีหลักแหล่งดั้งเดิมอยู่ทางใต้ของจีน บริเวณลุ่มน้ำแยงซี มณฑลเสฉวน และมณฑลยูนนาน (ซึ่งเคยมีมาก่อนแล้วในคำนำหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พิมพ์ครั้งแรกราว 110 ปีมาแล้ว พ.ศ.2457)

เรื่องของชาติไทยโดยพระยาอนุมานราชธน เป็นส่วนขยาย (จากพระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นจากงานค้นคว้าของชาวตะวันตก เช่น ไทย แปลว่าใหญ่ อยู่ในจีนก่อนจีน และเบ้งเฮ็กเป็นกษัตริย์ไทยในยูนนาน ขงเบ้งยกทัพปราบเบ้งเฮ็ก 1,791 ปีมาแล้ว (พ.ศ.768 ก่อนทวารวดี) ขงเบ้งจับเบ้งเฮ็ก 8 ครั้ง เบ้งเฮ็กไม่ยอมแพ้

หนังสือเล่มต่อมา ชื่อ “งานค้นคว้าเรื่องเชื้อชาติไทย” โดย หลวงวิจิตรวาทการ (อดีตอธิบดีคนแรกของกรมศิลปากร พ.ศ.2477-2485) แปลและเรียบเรียงจากงานค้นคว้าชาวฝรั่งเศส, อังกฤษ (อ้างอิงเอกสารจีน) พิมพ์ครั้งแรกโดยกรมประมวลราชการแผ่นดิน พ.ศ.2499 หลังจากนั้นกองทัพบก พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ.2512 เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ไทยและใช้สำหรับเป็นคู่มือในการอบรมทหาร

มีสาระสำคัญที่เน้นเป็นพิเศษ เช่น ไทยแปลว่าใหญ่ เป็นชื่อเรียกชนเชื้อชาติไทยอยู่ในดินแดนจีนก่อนจีน ส่วนจีนมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณทะเลสาบแคสเปียน แล้วอพยพไปในจีนด้วยการขับไล่ไทย เพื่อปลุกระดมความรู้สึกฮึกเหิมในความยิ่งใหญ่ของไทย

งานค้นคว้าเรื่องชนชาติไทย ของ พันเอก หลวงวิจิตรวาทการ กองทัพบกจัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ไทย และใช้สำหรับเป็นคู่มือในการอบรมทหาร พิมพ์ครั้งที่สอง (จำนวน 10,000 เล่ม) กันยายน 2512 เท่ากับกองทัพขณะนั้นสนับสนุนการเมืองชาตินิยม “คลั่งเชื้อชาติไทย”

อัลไต-น่านเจ้า-สุโขทัย

ประวัติศาสตร์ไทยเมื่อหลังเปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นประเทศไทย ถูกเสกสรรปั้นแต่งเพื่อกระตุกกระตุ้นให้ “คลั่งเชื้อชาติไทย” ว่าคนไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่เทือกเขาอัลไต ต่อมาถูกจีนรุกรานต้องหนีลงไปตั้งอาณาจักรน่านเจ้า

กองทัพจีนโจมตีอาณาจักรน่านเจ้า และขับไล่ไทยอพยพยกโขยงถอนรากถอนโคนลงไปอยู่ดินแดนไทยปัจจุบัน

ตอนแรกไทยต้องอยู่ใต้อำนาจมอญและขอม หลังจากนั้น “ปลดแอก” จากอำนาจขอม แล้วตั้งตนเป็นอิสระ สถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก

ประวัติศาสตร์ไทย ชุด “อัลไต-น่านเจ้า-สุโขทัย” ปรับเข้ากับ ตำนานพระพุทธเจดีย์ พระนิพนธ์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อ 98 ปีมาแล้ว (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2469) เป็นเรื่องหลักของการเรียนการสอนโบราณคดีแบบ “คลั่งเชื้อชาติไทย” ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ทั้งๆ ไม่พบหลักฐานโบราณคดีสนับสนุน

แต่ไม่มีการตั้งคำถามเพื่อทักท้วงถกเถียง •